วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

Unit 1

Simple present
โครงสร้าง
S + V1 (ประธานเอกพจน์ กริยาเติม s,es)
ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม s หรือ es แล้วแต่กรณี)
กริยาช่วยที่ใช้บ่อยคือ can, should, must
Tense นี้ค่อนข้างจะยุ่งยากนิดหน่อยตรงที่ประธานเอกพจน์ต้องเติม s ส่วนประธานพหูพจน์ไม่ต้องเติม สิ่งที่จะสร้างความยุ่งยากนิดหนึ่งคือการเติม s เพราะกริยาบางตัวต้องเติม es ไม่ใช่แค่ s เฉยๆ แต่ไม่ใช่เรื่องยากถ้าได้ศึกษาการเติม s ที่ท้ายคำนามเพื่อให้นามนั้นเป็นพหูพจน์
หลักการใช้

1. จริง คือ ข้อเท็จจริงทั่วไป ซึ่งเป็นการบอกกล่าว เล่า ถามเรื่องราว เหตุการที่เป็นข้อเท็จริงทั่วๆไป (facts) และข้อมูลข่าวสาร (information) ถ้าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคนจะเป็นข้อมูลบอกให้รู้ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน มีอาชีพอะไร ชอบอะไร...อ่านต่อ...



Simple present versus present perfect


ก. Present Perfect
กริยาช่วย have / has
กริยาแท้ past participle (หรือ Verb ช่อง 3)
have/has + past participle
ข. Past Simple
กริยาช่วยช่อง 2/กริยาแท้ช่อง 2
ต่อไปนี้ จะขอกล่าวเชิงเปรียบเทียบการใช้ระหว่าง Past Perfect และ Past Simple เพื่อท่านผู้อ่านจะได้สามารถแยกแยะความแตกต่างได้โดยชัดเจน
1. การกระทำที่เริ่มเกิดขึ้นในอดีตและดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน (an activity which started in the past and continues up to the present) กับการกระทำที่เริ่มและจบสิ้นในอดีต (an activity which started and finished in the past)
ตัวอย่าง
I have lived in Bangkok for ten years.
ผมอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว (ตอนนี้ก็ยังอาศัยอยู่)
I lived in Bangkok for 10 years.
ผมได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ 10 ปี(ตอนนี้ไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ แล้ว)
อธิบาย ในตัวอย่างที่ 1 เป็นการกล่าวถึงการกระทำที่เริ่มขึ้นในอดีตและ ดำเนินมาจนถึงปัจจุบันครบ 10 ปีแล้ว ขณะนี้ก็ยังอยู่ ยังมิได้ย้ายไปไหนจึงใช้ Present Perfect ส่วนในประโยคที่ 2 เป็นการกล่าวถึงการกระทำที่เริ่มต้นและจบสิ้นไปแล้วในอดีต ตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว จึงใช้ Past Simple
2. ผลของการกระทำในอดีตที่เกี่ยวเนื่องถึงปัจจุบัน (the result of a past action that is connected to the present)
ตัวอย่างอ่านต่อ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น